การมีเครื่องกรองน้ำส่วนตัวที่บ้านนั้นช่วยให้คุณหมดกังวลเมื่อต้องการน้ำสะอาดในการทำอาหารหรือเพื่อแก้กระหาย เพราะคุณจะสามารถผลิตน้ำดื่มที่สะอาดได้เองง่ายๆ ที่บ้าน นอกจากนี้ ยังเป็นการอนุรักษ์โลกไปในตัวอีกด้วย เพราะการผลิตน้ำได้เองจะช่วยลดจำนวนขวดน้ำพลาสติกที่เราซื้อในแต่ละวัน อีกทั้งยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย

รายงานจาก Beverage Marketing Corporation3 เผยว่าในปี พ.ศ.2557 มีการบริโภคน้ำขวดสูงถึง 74.7 พันล้านแกลลอน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับสถิติการบริโภคในปี พ.ศ. 2552 แล้ว เพิ่มมากขึ้นถึง 6.9 เปอร์เซ็นต์ โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการบริโภคน้ำขวดเพิ่มขึ้นมากที่สุดในอัตรา 20.2 เปอร์เซ็นต์ และตามมาด้วยประเทศจีน 15 เปอร์เซ็นต์ และอินเดีย 13.2 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนของประชากรและการบริโภคน้ำดื่ม พบว่าประเทศไทยมีการบริโภคน้ำดื่มสูงถึง 65.1 แกลลอนต่อคน ซึ่งน้อยกว่าเม็กซิโกเพียง 4.7 แกลลอน3

การศึกษาล่าสุดจากนิตยสาร Science4 ยังพบว่าประเทศที่ทิ้งพลาสติกลงสู่ทะเลมากที่สุดในโลกคือ ประเทศจีน โดยมีการปล่อยของเสียสูงถึง 2.27 พันล้านกิโลกรัม ตามมาด้วยประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ศรีลังกา และประเทศไทย

สารคดีสิ่งแวดล้อมทางช่อง PBS ยังได้นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพลังงานที่ใช้ในการนำน้ำบรรจุลงขวด รวมไปถึงการขนส่งนั้น สามารถนำมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานให้กับบ้านเรือนได้ถึง 190,000 หลัง ในขณะที่การกรองน้ำเอง ไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียพลังงานใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งยังไม่มีการผลิตของเสียเพิ่มอีกด้วย

ดังนั้น การที่เราเลือกที่จะใช้วิธีเติมน้ำใส่ขวดแทนการซื้อใหม่นั้น นั่นหมายถึง การช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และลดการอุปโภคพลาสติกถึงปีละ 240 ขวดต่อปี การติดตั้งเครื่องกรองน้ำที่บ้าน จึงถือเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้

โดยเฉลี่ยแล้วน้ำปริมาณ 2 ลิตร หรือประมาณสองขวดใหญ่ที่ขายตามร้านค้านั้น คือปริมาณน้ำที่เราควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งหากคุณเลือกวิธีเติมน้ำใส่ขวดเดิมแทนการซื้อใหม่ คุณจะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 14,440 บาทต่อปีเลยทีเดียว